รีวิวหนังสยองขวัญ แสงกระสือ 2

แสงกระสือ 2 เรื่องราวหลังโศกนาฏกรรม “กระสือสายบ้านโคกอีนวล” ผ่านไป 22 ปี น้อย เลี้ยงดู สาว ลูกสาวที่ได้รับเชื้อกระสือ ทำให้ น้อยและ “บาทหลวงออกัสติน” ร่วมคิดค้นตัวยาที่สกัดจาก ว่านกระสือ เพื่อใช้ในการรักษา สาวได้พบกับ คล้าว โดยบังเอิญ บุตรบุญธรรมของบาทหลวงออกัสติน ที่มีความผิดปกติทางร่างกายแต่กำเนิด ความรักของสาวและคล้าวค่อย ๆ ผลิบานพอ ๆ กับเชื้อร้ายในตัวของสาวที่เริ่มออกอาการมากขึ้นทุกวัน นักลงทุนชาวต่างชาติที่ต้องการตัวกระสือสาว พันธุ์ อดีตทหารรับจ้างจึงถูกจ้างมาเพื่อไล่ล่า สาวจะรอดพ้นเงื้อมมือของพันธุ์ได้หรือไม่ รีวิวซีรี่ย์เกาหลี

ต้องถือว่า แสงกระสือ 2 มาพร้อมกับการยกเครื่องครั้งใหม่ เพราะไม่ใช่แค่ทีมนักแสดงชุดใหม่แล้ว หนังยังมีพร้อมกับทีมผู้สร้างชุดใหม่เช่นเดียวกัน นำมาโดย “ปภังกร ปุญจันทรักษ์” ที่เราอาจจะไม่คุ้นชื่อเขาสักเท่าไหร่ในวงการภาพยนตร์ เพราะเขาเป็นผู้กำกับหนังโฆษณาที่เพิ่งก้าวขึ้นมาจับงานสร้างหนังไทยเรื่องยาวเป็นครั้งแรก แล้วงานเดบิวต์ของเขาก็ต้องรับแรงกดดันไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะมีทั้งความหวังจากคอหนังที่ชอบภาคแรก กับงานสร้างสเกลใหญ่ขึ้นจากงานโฆษณา

ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า งานกำกับของ ดี้ ปภังกร ค่อนข้างทำออกมาได้น่าพอใจ ในงานการใส่ใจรายละเอียดและความพิถีพิถันในด้านการออกแบบโปรดักชั่น โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศในหนัง ถือว่าเหมาะเจาะกับการภาพและการจัดแสงสีในหนังเป็นอย่างดี พยายามช่วยบิวท์อารมณ์ผู้ชมได้เรื่อย ๆ ก็ใช้องค์ประกอบธรรมชาติและแวดล้อมต่าง ๆ มาเสริมแต่ง นับว่าหนังถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว ละมุนละไมกับงานสร้างที่ใช้ได้ แต่ดูเหมือนว่า…นั่นอาจจะเป็นเพียงองค์ประกอบเดียวที่ดีของหนังเรื่องนี้ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว แสงกระสือ 2 ก็ยังค่อนข้างล้มเหลวในการนำเสนอ เพราะเอาเข้าจริง ๆ หนังที่ยาวถึง 2 ชั่วโมงเรื่องนี้ ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านไปชั่วโมงเศษ ๆ แล้วก็ยังไม่สามารถจับประเด็นและมองเห็นสิ่งที่หนังต้องการอยากจะสื่อสารออกมาได้ในเรื่องนี้ได้อย่างเด่นชัด

บทหนังของ แสงกระสือ 2 เป็นได้ซับซ้อนและยากเกินจะเข้าใจ แต่หนังดันมาตกม้าตายเพราะการเล่าเรื่องที่ไร้เสน่ห์และไร้จุดโดดเด่นใด ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ไม่มีที่มาที่ไปของตัวละครต่าง ๆ ออกจะน่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่เห็นในเครดิตหนังเรื่องนี้ว่ามีทีมเขียนบทมากถึง 4 คน แต่ยังไม่สามารถประคับประคองและจัดระเบียบหนังออกมาได้ยังไม่เฉียดเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ อาจจะต้องไม่นำไปเปรียบเทียบกับหนังต้นฉบับเลยก็ได้ เพราะสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า…เทียบกันไม่ติด ในขณะที่ภาคก่อนเต็มไปด้วยเสน่ห์และการร้อยเรียงเรื่องที่น่าหลงใหลเป็นจุดเด่น แต่กลับใน แสงกระสือ 2 ภาคนี้นั้น หาสิ่งที่เคยเห็นจากหนังต้นฉบับไม่เจอเลย ความพยายามสร้างมิติให้กับคาแรกเตอร์ใหม่ในภาคนี้ก็ล้มเหลว เพราะขาดการปูทางและความสมเหตุสมผลที่ควรจะมีไปอย่างน่าผิดหวัง

นอกจากนั้น แสงกระสือ 2 ยังได้ทีมนักแสดงระดับคุณภาพเกินกว่าคุณภาพของหนังโดยแท้ นักแสดงทุกคนต่างถ่ายทอดบทบาทของตัวเองได้ดีทุกคน แต่ในเมื่อบทหนังและการเล่าเรื่องที่ไม่ส่งเสริมกันและกัน ทำให้องค์ประกอบการแสดงก็ไม่สามารถช่วยพยุงตัวหนังเอาไว้ “เจเจ กฤษณภูมิ” กับ “นิ้ง ชัญญา” แสดงดีแต่กลับยังไม่โดดเด่นที่สุดแบบที่ควรจะเป็น ในขณะที่ “น้อย กฤษดา” กับ “ปีเตอร์ นพชัย” เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงชายตัวท็อปที่ใคร ๆ ก็นึกภาพออก แต่การมาของพวกเขาในหนังเรื่องนี้กลับถูกบดบังราศีตามความไม่สมเหตุสมผลของหนัง ส่วนอีกหนึ่งหนุ่ม “เอม ภูมิภัทร” คนนี้คือรุ่นใหม่ที่มาแรงสุด ๆ เขายังคงมอบการแสดงที่ไม่ผิดหวัง เพียงแต่การมาอยู่ของเขาในหนังเรื่องนี้ออกจะผิดที่ผิดทาง และหนังทำให้เขาดูกลืนไปกับจอเลย